สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือ เสนอแนะ
ระบบจะตอบกลับภายใน 24 ชั่วโมง
ขอบคุณสำหรับข้อเสนอแนะและข้อมูลเพิ่มเติม เราจะนำข้อมูลของท่านไปพัฒนาระบบให้ดียิ่งขึ้น
ส้มเช้า
ส้มเช้า ชื่อสามัญ Angola Pea , Congo Pea[3]
ส้มเช้า ชื่อวิทยาศาสตร์ Euphorbia neriifolia L. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Elaeophorbia neriifolia (L.) A.Chev., Euphorbia edulis Lour., Euphorbia ligularia Roxb. ex Buch.-Ham., Euphorbia pentagona Blanco, Euphorbia pentagona Noronha, Tithymalus edulis (Lour.) H.Karst.) จัดอยู่ในวงศ์ยางพารา (EUPHORBIACEAE)[1],[2]
สมุนไพรส้มเช้า มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า กะเร, กาลัม, เพราะเพระ, โพะเพะ, ไห่หวัง, ฮ้อบแฮ้บ, และฮวยออง[5]
หมายเหตุ : ส้มเช้ามีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ ชนิดที่มีขนาดของต้นเตี้ยและเป็นไม้พุ่ม ซึ่งมีความสูงได้ไม่เกิน 1.5 เมตร ชนิดนี้ต้นหรือปลายต้นมักมีรูปร่างแปลก หงิกคล้ายดอกหงอนไก่ เป็นชนิดที่มีใบน้อย นิยมนำมาปลูกใส่กระถางเป็นไม้ประดับ ส่วนอีกชนิดที่จะกล่าวถึงในบทความนี้จะเป็นไม้ยืนต้น มีความสูงได้ถึง 5 เมตร ออกใบมากกว่าชนิดแรก ในสมัยก่อนจะนิยมปลูกไว้ในบริเวณทั้งสองชนิด เพื่อเก็บใบอ่อนกินเป็นอาหาร เป็นไม้ประดับ และใช้เป็นสมุนไพรด้วย[5]
ลักษณะของส้มเช้า
- ต้นส้มเช้า จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีความสูงของต้นประมาณ 5-7 เมตร ตามลำต้นและกิ่งก้านมีหนามแหลมออกจากตุ่ม 1-2 อัน ตามข้อต่อเป็นเหลี่ยม 5 เหลี่ยม และมียาวสีขาว ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด และวิธีการปักชำ เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด ชอบความชื้นปานกลาง และแสงแดดแบบเต็มวัน มักเกิดตามป่าดงดิบแล้ง ป่าราบ ป่าเบญจพรรณ สามารถพบได้ทุกภาคของประเทศไทย[1],[3]
- ใบส้มเช้า ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลับ ปลายใบมนเว้าตื้น ๆ โคนใบสอบ ส่วนขอใบเรียบ ใบมีชนาดกว้างประมาณ 4-6 เซนติเมตร และยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร หลังใบและท้องใบเรียบ เนื้อใบหนาอวบน้ำ หูใบเป็นหนาม[1]
- ผลส้มเช้า ผลเป็นผลสดประกอบไปด้วยผลขนาดเล็ก 3 ผลรวมกัน ไม่มีเนื้อผล (หรือเป็นผลแห้งแตกได้เป็น 3 พู)[1]
สรรพคุณของส้มเช้า
- ใบมีรสเปรี้ยวเมา สรรพคุณเป็นยาฟอกโลหิต (ใบ)[1]
- ช่วยแก้ไข้จับสั่นเรื้อรัง (ยาง)[2]
- ยางมีรสเปรี้ยวเมา มีสรรพคุณทำให้อาเจียน (ยาง)[1],[2]
- ช่วยถ่ายคูถเสมหะ (ใบ)[1]
- ช่วยแก้อาการจุกเสียด แก้ท้องมาน พุงโร แก้ม้ามย้อย (ยาง)[1],[2]
- ช่วยขับน้ำย่อยอาหาร (ยาง)[1],[2]
- เปลือกต้นมีรสเปรี้ยวเมา น้ำต้มกับเปลือกใช้กินเป็นยาระบาย (เปลือกต้น)[1] ส่วนยางมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อน ๆ (ยาง)[1],[2]
- ยางมีสรรพคุณเป็นยาขับพยาธิ (ยาง)[1],[2]
- ช่วยขับประจำเดือนของสตรี (ใบ)[1]
- รากมีรสเปรี้ยวใช้ตำพอกเป็นยาฆ่าเชื้อโรค ฆ่าพยาธิผิวหนัง (ราก)[1]
- ใบใช้ตำพอกรักษาฝี ปิดฝี จะทำให้ฝียุบและหายปวด และยังช่วยถอนพิษหนองที่เกิดจากฝีได้อย่างชะงัด (ใบ)[1],[2],[4]
- ใบใช้เป็นยาถอนพิษ (ใบ)[2]
- รากใช้ตำพอกเป็นยาแก้พิษจากแมลงกัดต่อย (ราก)[1]
- ใบใช้ตำพอกแก้ปวด (ใบ)[1],[2]
ส่วนยางมีสรรพคุณช่วยแก้บวม (ยาง)[1],[2]
หมายเหตุ : ส้มเช้ามีสรรพคุณและข้อควรระวังเช่นเดียวกับ "สลัดได"
ประโยชน์ของส้มเช้า
- ใบอ่อนใช้รับประทานสดเป็นผักร่วมกับน้ำพริกได้ หรือนำมาใช้แทนใบเมี่ยง ห่อเนื้อปลาทูนึ่ง ใส่พริกขี้หนูสด แง่งตะไคร้สด กระเทียมกลีบสด มะนาวสดที่หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำมาเคี้ยวกินเป็นคำ ให้รสชาติอร่อยมาก[3],[5] และน่าแปลกตรงที่ใบของส้มเช้าจะมีรสเปรี้ยวจัดในตอนเช้าและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวทำให้ชวนรับประทาน พอช่วงสายความเปรี้ยวจะค่อย ๆ อ่อนลง และจะค่อย ๆ หมดความเปรี้ยวไปในที่สุดในช่วงก่อนเที่ยง หลังจากนั้นใบของส้มเช้าก็จะมีรสเปรี้ยวจัดอีกครั้งเมื่อถึงตอนเช้าของวันรุ่งขึ้นเป็นอย่างนี้เรื่อยไป จึงถูกเรียกชื่อว่าต้น "ส้มเช้า" มาจนถึงปัจจุบัน[4],[5]
- รากและใบมีรสเปรี้ยวใบ มีพิษ ใช้เป็นยาเบื่อปลาได้[1],[2]
เอกสารอ้างอิง
- หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). “ส้มเช้า (Som Chao)”. หน้า 281.
- สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “ส้มเช้า”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [05 มิ.ย. 2014].
- ผักพื้นบ้าน ในประเทศไทย กรมส่งเสริมการเกษตร, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง. “ส้มเช้า”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: area-based.lpru.ac.th/veg/. [05 มิ.ย. 2014].
- สมุนไพรไทย, มหาวิทยาลัยนเรศวร. “ส้มเช้า”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: student.nu.ac.th/49320567/. [05 มิ.ย. 2014].
- ไทยรัฐออนไลน์. (นายเกษตร). “ส้มเช้ามีสองชนิด”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www. thairath.co.th. [05 มิ.ย. 2014].
ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Dinesh Valke, judymonkey17, Regordeta, Tai Lung Aik, Shubhada Nikharge)
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)
https://medthai.com/