สันโศก, สมัดใหญ่ , สมัดขาว, แสนโศก

Responsive image
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือ เสนอแนะ

ระบบจะตอบกลับภายใน 24 ชั่วโมง
ขอบคุณสำหรับข้อเสนอแนะและข้อมูลเพิ่มเติม เราจะนำข้อมูลของท่านไปพัฒนาระบบให้ดียิ่งขึ้น


ชื่อสมุนไพร  สันโศก
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น  สมัดใหญ่ , สมัดขาว , หัสคุณเทศ (ภาคอีสาน) , เพี้ยฟาน , หมี่ ขี้ฮอก , เฮือนหม่น , เหมือดหม่น (ภาคกลาง) , มะหรุย (ภาคใต้) , หัสคุณโคก (เพชรบูรณ์) , รุ้ย (กาญจนบุรี) , อ้อยช้าง (สระบุรี) , ขี้ผึ้ง ,แสนโศก (โคราช) , สามเสือ (ชลบุรี) , สามโสก (จันทบุรี) , ยม (ชุมพร) , สำรุย (ยะลา)
ชื่อวิทยาศาสตร์   Clausena excavata Burm.f.
วงศ์   RUTACEAE

 

ถิ่นกำเนิดสันโศก

สันโศกเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะในเขตร้อนชื้นของทวีป เช่นในแถบเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในประเทศไทยจัดเป็นไม้พื้นถิ่นเพราะสามารถพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ โดยมักพบได้ตามป่าดงดิบ , ป่าละเมาะ หรือตามป่าเบญจพรรณ ที่มีความชื้นปานกลาง แต่มีแสงแดดส่องถึงแบบเต็มวัน

ประโยชน์และสรรพคุณสันโศก

ในประเทศไทยมีการใช้ประโยชน์จากสันโศกดังนี้  ยอดอ่อนและใบอ่อนมักจะใช้รับประทานร่วมกับขนมจีน น้ำพริก ลาบ และแกงหน่อไม้

นอกจากนี้ยังมีการนำมาใช้ประโยชน์ในการกำจัดริ้นไรไก่ได้อีกด้วย โดยการนำต้นและใบแก่ของสันโศกมาเผารมควันตามเล้าไก่ หรือนำใบแก่ไปใส่ไว้ในรังไข่จะช่วยไล่ไรไก่ได้เช่นกัน เพราะใบมีกลิ่นเหม็นรุนแรง  หรืออาจจะนำใบแก่มาต้มกับน้ำอาบให้ไก่ชนเพื่อกำจัดไรไก่ก็ได้

ส่วนสรรพคุณทางยาของสันโศกนั้นตามตำรายาไทยระบุไว้ว่า ราก มีกลิ่นหอม รสร้อน มีสรรพคุณขับเลือด และหนองให้ตก พอกแผล  ริดสีดวงและคุดทะราด ขับพยาธิ แก้โรคผิวหนัง แก้แน่น กระจายเลือดลม เปลือกต้น มีกลิ่นหอม รสร้อน มีสรรพคุณแก้โลหิตในลำคอ และลำไส้ให้กระจาย ใช้รมแก้ริดสีดวงจมูก กระพี้และแก่น มีรสร้อน แก้โลหิตในลำไส้ ขับลม ขับพยาธิไส้เดือน ใบ มีกลิ่นหอม มีรสเผ็ดร้อน ซ่า มีสรรพคุณแก้ลมอันผูกเป็นก้อนให้กระจาย กระจายเลือดลมให้เดินสะดวก แก้ลมอัมพฤกษ์อัมพาต แก้ขัดยอก เสียดแทง แก้ไข้ แก้หืดไอ ตำพอกประคบ แก้ผื่นคัน ใช้รมแก้ริดสีดวงจมูก ต้น รสหอมร้อน ขับลมภายใน แก้ไอ ขับพยาธิไส้เดือน ดอก มีรสร้อน มีสรรพคุณแก้เสมหะให้ตก ผล มีรสเปรี้ยวร้อน มีสรรพคุณฆ่าเสียซึ่งพยาธิอันบังเกิดแต่ไส้ด้วน ไส้ลาม เป็นยาถ่าย

นอกจากนี้ยังมีการนำมาใช้เข้าพิกัดยาเพื่อใช้ร่วมกันในพิกัดยาที่ชื่อว่า ในตำรายาไทยเมื่อนำมาใช้ร่วมกันใน พิกัด “สหัสคุณทั้ง 2” ซึ่งประกอบไปด้วย สันโศก (สมัดใหญ่ หรือ สหัสคุณเทศ) และหัสคุณ (สมัดน้อย หรือ สหัสคุณไทย) ซึ่งมีสรรพคุณดังโบราณว่า มีรสร้อน ใช้ขับลมในท้อง แก้ริดสีดวง ผอมแห้ง แก้หืดไอ ขับเลือด และขับหนองให้ตก ส่วนตำรายาพื้นบ้านภาคอีสานระบุถึงสรรพคุณของสันโศกไว้ว่า รากใช้ฝนกับน้ำดื่ม แก้โรคงูสวัด แก้ไข้ทั้งต้น ต้มน้ำกลั้วปาก แก้ปวดฟัน

ลักษณะทั่วไปสันโศก 

สันโศกจัดเป็นไม้พุ่ม ลำต้นตั้งตรง แตกกิ่งก้านมาก มีความสูงของต้นได้ประมาณ 1 -4 เมตร ลำต้นโตมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางยาวได้ถึง 20 เซนติเมตร แตกกิ่งก้านสาขาไม่เป็นระเบียบ ตามกิ่งก้านมีขนสั้น ๆ ที่บริเวณปลายกิ่ง เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาล ผิวเรียบ    

ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก เรียงแบบสลับ มีใบย่อย 3-6 คู่ รูปรีหรือรูปหอก เห็นเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ใบไม่หนา สีเขียวอ่อน กว้าง 2-3 เซนติเมตร ยาว 5-8 เซนติเมตร ปลายใบแหลม ฐานใบเบี้ยว ขอบใบเรียบ มีซี่จักเล็กน้อย ใบมีขนนุ่มสีน้ำตาล ท้องใบมีขนบางๆ ดอก ออกเป็นช่อแบบแยกแขนง โดยจะออกที่ปลายกิ่ง มีดอกย่อยจำนวนมาก ก้านดอกย่อยยาวประมาณ 0.5-2 มิลลิเมตร วงกลีบเลี้ยงมีขนาดเล็กมาก กลีบดอกมี 4-5 กลีบ ลักษณะเป็นรูปไข่แกมขอบขนาน ยาวประมาณ 3.5-5 มิลลิเมตร กลีบดอกเป็นสีขาวแกมเหลือง หรือสีขาวปนเขียว ดอกมีเกสรเพศผู้ 8 อัน ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 1.5-3.5 มิลิเมตร  ส่วนก้านชูเกสรเพศเมีย มีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอก ปลายกว้าง ยาวได้ถึง 1.8 มิลลิเมตร ส่วนรังไข่เป็นรูปไข่ มีขนละเอียดขึ้นปกคลุม ผล มีลักษณะกลมหรือรี หรือรูปกระสวย ขนาดเล็ก ผิวใสฉ่ำน้ำ ผลอ่อนสีเขียวปนเหลือง ผลแก่สีส้มอมชมพูภายในมีเมล็ดมาก

การขยายพันธุ์สันโศก 

สันโศกสามารถขยายพันธุ์ได้โดยวิธี เพาะเมล็ด , ปักชำ และการตอนกิ่ง โดยวิธีที่นิยมในการขยายพันธุ์มากที่สุด คือ การเพาะเมล็ด ส่วนวิธีการเพาะเมล็ดและวิธีการปลูกสันโศกนั้น ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันกับการเพาะเมล็ดและการปลูกไม้พุ่มทั่วๆไป


องค์ประกอบทางเคมีสันโศก

จากการศึกษาองค์ประกอบทางเคมี ของสันโศกพบว่า ประกอบด้วย สารในกลุ่มอัลคาลอยด์  (alkaloids) คูมาริน  (coumarin) ลิโมนอยด์(limonoids) และคาร์บาโซล (carbazoles)

นอกจากนี้ยังมีรายงานการศึกษาวิจัยอีกฉบับหนึ่งระบุว่าเปลือกต้นหวดหม่อนมีสาร clausine-D ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการจับตัวของเกล็ดเลือด wedelolactone และอนุพันธ์ของ coumentan ที่มีฤทธิ์ต้านสารพิษที่ทำลายตับ และต้านอาการปวดและอักเสบ

รูปแบบและขนาดวิธีใช้

  • ยอดอ่อนใช้รับประทานสดเป็นยาระบายแก้อาการท้องผูก
  • รากสันโศกนำมาต้มกินเป็นยาบำรุงกำลัง ใช้ขับลม กระจายเลือดลม แก้โรคงูสวัด แก้ไข้
  • ลำต้นและใบ นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้พิษต่างๆ
  • ทั้งต้นนำมาต้มกับน้ำกลั้วปาก แก้อาการปวดฟัน
  • ส่วนใบนำมาต้มกับน้ำอาบจะช่วยแก้แผลเปื่อย และอาการคันจากผื่นคันต่างๆ หรือนำใบสันโศกนำมาตำพอกจะแก้อาการอักเสบบวมอันเกิดจากไฟ เช่น น้ำร้อนลวก เป็นต้น


การศึกษาทางเภสัชวิทยา

มีรายงานการศึกษาวิจัยและทดสอบฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาจากส่วนต่างๆ ของสันโศกพบว่า มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ต้านแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา ยับยั้งเชื้อเอดส์ (HIV-1) ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน ฤทธิ์แก้ปวด(antinociceptive activity) ฤทธิ์ต้านเกล็ดเลือด(antiplatelet activity) ฤทธิ์ต้านมาลาเรีย(anti-malarial activity) และ ฤทธิ์กำจัดแมลง (insecticidal activity)

การศึกษาทางพิษวิทยา

มีการศึกษาผลของน้ำสกัดสันโศก 38.5% w/v โดยให้ในหนูขาว 2 กลุ่ม ในปริมาณ 0.5 มล./วัน และ 1 มล./วัน ตามลำดับ ติดต่อกัน 2 เดือน จากผลการทดสอบพบว่าได้ค่าการทดสอบสมรรถภาพของตับ ไต และค่าทางโลหิตวิทยาไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม และเมื่อทดลองให้น้ำสกัดสันโศกแก่ผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย 8 ราย โดยให้ผู้ป่วยนำกลับไปรับประทานที่บ้าน สามารถสรุปเบื้องต้นได้ว่า ผู้ป่วยไม่มีการเปลี่ยนแปลงของ complete blood count, platelet count และ performance status การตรวจสอบหาค่า LD50 ของน้ำสกัดจากเนื้อไม้สันโศกในหนูขาว เมื่อฉีดสารสกัดดังกล่าวเข้าทางช่องท้อง พบว่าค่า LD50 เท่ากับ 1.6 ก./กก. แต่เมื่อป้อนสารสกัดนี้ให้กับหนูขาว ค่า LD50 มากกว่า 10 ก./กก. ซึ่งในกรณีนี้จะจัดสารสกัดสันโศกให้อยู่ในระดับไม่เป็นพิษเชิงปฏิบัติ (practically nontoxicity)

ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์  มีการศึกษาฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ของน้ำสกัดและสารสกัดอัลกอฮอล์ของสันโศก พบว่าสารสกัดดังกล่าวไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ เมื่อทดสอบกับ Salmonella typhimurium TA98 และ TA100

พิษต่อระบบสืบพันธุ์  มีการทดลองให้น้ำสกัดสันโศก ความเข้มข้น 0.4 มก./มล. ทุกวัน วันละ 2 มล. เป็นเวลา 2 เดือน พบว่าสารสกัดนี้ไม่มีความเป็นพิษต่อระบบสืบพันธุ์ของหนูขาวเพศผู้ คือ จำนวน sperm และน้ำหนัก testis มีค่าปกติ ไม่พบความผิดปกติใน sperm analysis และหนูตัวผู้มี normal fertility potential ในขณะที่หนูตัวเมียทุกตัวมีการตั้งท้องและมีจำนวนและขนาดของตัวอ่อนที่ฝังตัวในมดลูกอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่แตกต่างจากกลุ่มควบคุม


ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา เกี่ยวกับการรักษาหรือยับยั้งโรคเอดส์จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ทำการวิเคราะห์สันโศก พบว่ายาที่ได้จากสันโศกไม่ว่าจะมาจากส่วนใดของต้นก็ตาม ยังไม่พบตัวยาที่จะรักษาหรือชะลอโรคเอดส์ได้

            ดังนั้นผู้ที่ต้องการนำสันโศกไทยใช้เพื่อรักษาหรือยับยั้งโรคเอดส์ จึงยังไม่สมควรนำไปใช้ เนื่องจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยังมีไม่เพียงพอ ควรต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม ส่วนในการนำสันโศกมาใช้ในการบำบัดรักษาโรคอื่นๆ ตามตำรายาต่างๆ นั้น ก็ควรระมัดระวังในการใช้เช่นกัน โดยไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากเกินกว่าที่ตำรายาต่างๆได้ระบุเอาไว้ และไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ สำหรับเด็กสตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง รวมถึงผู้ที่ต้องรับประทานต่อเนื่อง ก่อนจะใช้สันโศก ในการบำบัดรักษาต่างๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เสมอ

 

เอกสารอ้างอิง

  1. สันโศก.สมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อเอดส์.สำนักงานข้อสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
  2. หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา.  (ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล).  “หวดหม่อน”.  หน้า 71.
  3. จีรเดช มโนสร้อย อรัญญา มโนสร้อย กิตติพันธ์ ตันตระรุ่งโรจน์ และคณะ.  การศึกษาฤทธิ์ต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่นและการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของสมุนไพรสันโศก (Clausena excavata Burm. F) และฤทธิ์ต้านมะเร็งของสมุนไพรนมนาง (Pouteria cambodiana Baehni) และสันโศก.  สัมมนาวิชาการเทคโนโลยีชีวภาพเภสัชกรรม ครั้งที่ 2 “การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเพื่อการแพทย์แผนไทย”, เชียงใหม่, 21-23 มิ.ย. 2543:241-6.
  4.  กนกพร กวีวัฒน์.  ผลของพืชสมุนไพรบางชนิดต่อระบบสืบพันธุ์ของสัตว์ทดลอง:กวาวเครือ หญ้าหวาน นมนางและสันโศก.  สัมมนาวิชาการเทคโนโลยีชีวภาพเภสัชกรรม ครั้งที่ 2 “การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเพื่อการแพทย์แผนไทย”, เชียงใหม่, 21-23 มิ.ย. 2543: 148-53. 
  5. วิทวัส.ศาศวัตสุวรรณ , อนันตชิน อินทรรักษา , ธเนศ ตรีสุวรรณวัฒน์ , วรศักดิ์ ชัยวิภาส , อาริยา รัตนทองคำ . ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียของสารสกัดหยาบจากสันโศก ส่องฟ้า และมาไฟจีน ต่อเชื้อสเตรปโตคอคคัส มิวแทนส์ .วารสารวิทยาสารทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปีที่ 17.ฉบับที่1.มกราคม-มิถุนายน 2557. หน้า 1-7
  6.  อุษณีย์ วินิจเขตคำนวณ รวิวรรรณ พัวธนาโชคชัย อรัญญา มโนสร้อย จีรเดช มโนสร้อย.  ฤทธิ์ก่อการกลายและฤทธิ์ต้านการกลายของสารสกัดสมุนไพรนมนาง, สันโศก, และหญ้าหวานในการทดสอบเอมส์. เชียงใหม่วารสาร 2544;40(3):147-53. 
  7. จีรเดช มโนสร้อย อัมพวัน อภิสริยะกุล อรัญญา มโนสร้อย.  การศึกษาพิษเฉียบพลันโดยหาค่า LD50 ของสมุนไพรในสัตว์ทดลองหนู.  สัมมนาวิชาการเทคโนโลยีชีวภาพเภสัชกรรม ครั้งที่ 2 “การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเพื่อการแพทย์แผนไทย”, เชียงใหม่, 21-23 มิ.ย. 2543:253.   
  8. Aritajat S, Kaweewat K, Manosroi J, Monosroi A.  Dominant lethal test in rats treated with some plant extracts.  สัมมนาวิชาการเทคโนโลยีชีวภาพเภสัชกรรม ครั้งที่ 2 “การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเพื่อการแพทย์แผนไทย”, เชียงใหม่, 21-23 มิ.ย. 2543:276. 
  9. สมัดใหญ่,ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก http://www.phargen.com/main.php?action=viewpage&pid=113
  10. Arbab IA, Abdul AB, Aspollah M, Abdullah R, Abdel-wahab SI, Mohan S, et al. Clausena excavata Burm. f. (Rutaceae): A review of its traditional uses, pharmacological and phytochemical properties. J Med Plants Res 2011; 5(33): 7177-84
  11. Wuthamawech W. Thai traditional medicine. Bangkok: Odean Store; 1997.