ระบบจะตอบกลับภายใน 24 ชั่วโมง
ขอบคุณสำหรับข้อเสนอแนะและข้อมูลเพิ่มเติม เราจะนำข้อมูลของท่านไปพัฒนาระบบให้ดียิ่งขึ้น
แก้วเจ้าจอม มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Guaiacum officinale L.
อยู่ในวงศ์ ZYGOPHYLLACEAE
มีชื่อสามัญว่า Lignum Vitae
แก้วเจ้าจอมสามารถปลูกกลางแจ้ง นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ สามารถตัดแต่งเป็นไม้พุ่มได้ แต่ถ้าปล่อยให้เจริญเติบโตปกติ สามารถสูงได้ถึงประมาณ 15 เมตร เปลือกต้นมีสีเทาเข้ม ที่กิ่งมีข้อพองเห็นเป็นปุ่มๆ ทั่วไป
ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ มีใบย่อย 2-3 คู่ เรียงตรงข้าม ไม่มีก้านใบ รูปไข่กลับ รูปไข่กว้าง หรือรูปรีเบี้ยวเล็กน้อย ปลายมน โคนสอบ ขอบใบเรียบ มีจุดสีส้มที่โคนใบย่อยด้านบน
แก้วเจ้าจอมนั้นออกดอกเดือนสิงหาคมจนถึงเดือนตุลาคม และช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน
ดอกมีลักษณะเป็นดอกเดี่ยว ออกเป็นกระจุกที่ยอด 3-4 ดอก ดอกมีสีฟ้าอมม่วงและค่อยๆ ซีดลงจนโรย มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ เป็นรูปไข่ มีกลีบดอก 5 กลีบ เป็นรูปรีหรือรูปไข่ เกสรเพศผู้ 10 อัน แยกกัน เกสรเพศเมียปลายแยกเป็น 5 แฉก
ผลของแก้วเจ้าจอมเมื่อสุกจะแห้งแตก ลักษณะเป็นรูปหัวใจกลับ มีครีบ 2 ข้าง มีสีเหลืองหรือสีส้ม มีเมล็ดรูปรี สีน้ำตาลประมาณ 1-2 เมล็ด สามารถนำเมล็ดไปปลูกได้ หรืออาจใช้วิธีตอนกิ่งและปักชำ
ที่น่าสนใจนอกจากดอกที่มีความสวยงามแล้ว เนื้อไม้นั้นแน่นและหนักมาก แก่นไม้สีน้ำตาลถึงดำเป็นมัน ทนต่อแรงอัดและน้ำเค็ม จึงนิยมนำมาใช้ทำกรอบประกับเพลาเรือเดินทะเล ทำรอก ด้ามสิ่ว และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องการความแข็งแรงมากๆ ทำลูกโบวลิ่ง
นอกจากนั้น แก้วเจ้าจอมยังมีสรรพคุณเป็น สมุนไพรอีกด้วย มีกล่าวถึงว่าใช้ยางไม้เป็นยาขับเสมหะ ยาระบาย ขับเหงื่อ แก้ข้ออักเสบ ใช้ร่วมในยาฟอกเลือด ทำเป็นยาอมแก้ต่อมทอนซิลและหลอดลมอักเสบ ละลายในเหล้าและเติมน้ำเล็กน้อยใช้อมกลั้วคอแก้เจ็บคอ กินแก้ปวดท้อง และใช้ใส่แผล
ใบนำมาคั้นน้ำกินแก้อาการท้องเฟ้อ
เปลือกและดอกมีสรรพคุณเป็นยาระบาย ดอกทำเป็นยาชงเพื่อบำรุงกำลัง
อ้างอิง: https://www.doctor.or.th/article/detail/5811